วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

งานเทศกาลดอกซากุระบานที่สวนหน้าศาลเจ้ายะสุคุนิ (Yasukuni Shinre - 靖国神社)

งานเทศกาลดอกซากุระบานที่สวนหน้าศาลเจ้ายะสุคุนิ
(Yasukuni Shrine - 靖国神社)

 
     ในช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่งในย่านคุดันชิตะ (Kudanshita - 九段下) แน่นอนว่าดอกซากุระในบริเวณศาลเจ้ายะสุคุนิ (Yasukuni Shrine - 靖国神社) ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันย่อมจะบานไปด้วย


(ร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ตามรายทาง)


ที่สวนด้านหน้าศาลเจ้ายะสุคุนิ เป็นทางเดินเท่าขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นซากุระและต้นไม้ขนาดใหญ่อีกหลายประเภท จึงเป็นแหล่งที่ผู้คนแวะมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก





ที่สวนด้านหน้าศาลเจ้ายะสุคุนิ เป็นทางเดินเท้าขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นซากุระและต้นไม้ขนาดใหญ่อีกหลายประเภท จึงเป็นแหล่งที่ผู้คนแวะมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก



ในช่วงที่ดอกซากุระบานจะมีการจัดงานเทศกาลรื่นเริงภายในสวนนี้ด้วย ในงานมีร้านขายอาหารมากมาย พร้อมด้วยการแสดงบนทางเท้าเป็นระยะๆ ช่วยเพิ่มสีสรรและความสดชื่นให้กับวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิได้เป็นอย่างดี

(รูปปั้นของโอมุระ มาสุยิโร่ (Oomura Masujiro - 大村益次郎)
 
ตรงระหว่างทางเดิน จะมีรูปปั้นของโอมุระ มาสุยิโร่ (Oomura Masujiro - 大村益次郎) ตั้งตระหง่านอยู่ เขาเป็นผู้ก่อตั้งกองทัพบกแบบสมัยใหม่ของญี่ปุ่นในสมัยจักรพรรดิเมจิ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการต้านทานอำนาจของการล่าอาณานิคมที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วเอเชียในเวลานั้น

 

     ในช่วงเทศกาล จะมีร้านอาหารมากมาย มีการปูภาพ และตั้งโต๊ะเก้าอี้ไว้ใต้ต้นซากุระ เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งชมวิวระหว่างกินอาหาร ซึ่งผิดกับช่วงธรรมดาที่จะเป็นภาพสวนที่เงียบสงบ มีคนเดินผ่านไปมาไม่มากนัก


     ผู้คนต่างมีความสุขกับการได้มานั่งดื่มกินกันใต้ต้นซากุระ เพราะช่วงที่ซากุระส่วนใหญ่จะเป็น่ช่วงที่อากาศดี และเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว ทำให้ทุกคนอยากออกมารับแดดพร้อมกับดูดอกซากุระที่สวยงามไปด้วย

(เสาโทริอิขนาดใหญ่อยู่ทางอีกด้านริมถนน)

(ผู้คนกำลังเดินข้ามถนนเข้าไปที่ศาลเจ้ายะสุคุนิ Yasukuni Shrine - 靖国神社)

มื่อเดินไปจนสุดทาง ก็จะเป็นถนน เมื่อเดินข้ามถนนก็จะเข้าสู่เขตศาลเจ้ายะสุคุนิเลย ไว้จะเล่าเรื่องของศาลเจ้านี้ในโอกาสหน้าครับ



วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

ชมดอกซากุระที่คุดันชิตะ (Kudanshita - 九段下)


     ตอนนี้ก็ใกล้ถึงช่วงซากุระบานที่ญี่ปุ่นกันแล้ว บางแห่งก็เริ่มบานกันแล้ว ในโตเกียวมีแหล่งดูซากุระที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง หนึ่งในสถานที่ที่คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาตินิยมไปดูดอกซากุระคือย่าน "คุดันชิตะ" (Kudanshita - 九段下)


     ที่คุดันชิตะ (Kudanshita - 九段下) ซึ่งนอกจากที่มีดอกซากุระมากแล้ว ยังมีสถานที่สำคัญหลายแห่งอยู่ในย่านนั้นด้วย ซึ่งได้แก่ นิปปอนบุโดกัน (Nippon Budohkan - 日本武道館) ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการแข่งขันกีฬาประัจำชาติของญี่ปุ่น และศาลเจ้ายะสุคุนิ (Yasukuni Shrine - 靖国神社) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่สร้างโดยองค์จักรพรรดิในสมัยเมจิ เป็นที่เก็บอัฐิของเหล่าวีรชนที่เสียสละเพื่อประเทศ และรวมทั้งเหล่าทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย


     ต้นซากุระในย่าน "คุดันชิตะ" จะปลูกอยู่เต็ม 2 ข้างของถนน และรอบๆ คลองที่ล้อมอาคาร Nippon Budohkan - 日本武道館 รวมทั้งภายในศาลเจ้า Yasukuni - 靖国神社 ซึ่งมีอยู่มากมาย ทำให้สามารถมองเห็นดอกซากุระเป็นจำนวนมากได้

(ภาพต้นซากุระที่ปลูกเรียงรายตรงทางเดินของ 2 ฝั่งถนน ถนนฝั่ง Budohkan จะกว้างกว่า)

(ถ้าโชคดีจะได้พบเห็นดอกซากุระบางช่อบานอยู่ที่โคนลำต้น หรือตามกิ่งไม้ใหญ่)

(ต้นซากุระที่ปลูกอยู่ทั้งสองฝั่งของคลองหน้าอาคาร Budohkan)

(เมื่ออยู่ใต้กลุ่มต้นซากุระ แล้วแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จะได้เห็นบรรยากาศสวยๆ แบบนี้)

(มีบริการให้เช่าเรือเพื่อพายไปดูดอกซากุระแบบใกล้ชิดได้ น่าอิจฉาจริงๆ)

(ภาพบรรยากาศตรงทางเดินเชิ่อมเข้าประตูเข้าสวน Kitanomaru ก่อนถึง Nippon Budohkan)

(เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้ว อยากลงไปพายเรือดูซากุระแบบใกล้ๆ บ้าง)



(ภาพถ่ายดอกซากุระทั้งหมดในเรื่องนี้ ถ่ายเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2014)

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

เสน่ห์ของโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower - 東京タワー)

เสน่ห์ของโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)


     สำหรับคนที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) แน่ เพราะคนทั่วโลกต่างยากให้โตเกียวทาวเวอร์เป็นสัญญลักษณ์ของญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน ในฐานะที่เป็นสิ่งก่อสร้างซึ่งสูงที่สุดของญี่ปุ่นเป็นเวลาหลายปี ถึงแม้ว่าตอนนี้สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นถูกแย่งตำแหน่งไปโดยหอคอยสกายทรี (Sky Tree) เมื่อช่วงต้นปี 2012 แต่โตเกียวทาวเวอร์ก็ยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวผู้หลงไหลญี่ปุ่นยังนิยมกันอย่างไม่เสื่อมคลาย


     โตเกียวทาวเวอร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1957 สร้างเสร็จและเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 1958 โดยตั้งใจให้เป็นหอคอยหลักสำหรับแพร่กระจายคลื่นสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ไปทั่วกรุงโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง โตเกียวทาวเวอร์ได้ทำหน้าที่นี้จนถึงต้นปี 2012 จากนั้นงานแพร่กระจายคลื่นสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมดก็ถูกย้ายไปที่หอคอยสกายทรี (Sky Tree) ซึ่งสูงที่สุดแทน

     โตเกียวทาวเวอร์มีความสูงทั้งหมด 333 เมตร (ถ้าวัดให้เป๊ะๆ ก็คือ 332.6 ม.) ได้ครองตำแหน่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นอยู่หลายปี ก่อนที่จะมีการสร้างโตเกียวทาวเวอร์ ในญี่ปุ่นมักจะสร้างเสาหรือหอคอยสำหรับแพร่กระจายสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ที่มีความสูงประมาณ 153 - 177 เมตรไว้หลายแห่ง ด้วยความสูงนี้ทำให้มีรัศมีแพร่กระจายสัญญาณได้เพียง 70 กม และเนื่องจากแต่เสาอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน ทำให้การเปลี่ยนดูช่องทีวีในแต่ละครั้ง ผู้ชมต้องคอยปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเสาอากาศทุกครั้ง.เพื่อให้หันไปตรงกับทิศของเสากระจายสัญญาณของแต่ละช่อง จึงมีความคิดว่าควรสร้างหอคอยทีมีความสูงมากกว่า 200 เมตร และเป็นศูนย์รวมเครื่องแพร่กระจายสัญญาณของทุกช่อง ทำให้การตั้งเสาอากาศสามารถทำได้ง่าย และสามารถเปลี่ยนช่องได้โดยที่ไม่ต้องปรับทิศทางของเสาอากาศ

     ทางการของญี่ปุ่นเห็นด้วยกับความคิดนี้ จึงได้มีโครงการที่จะสร้างหอคอยกระจายสัญญาณที่มีความสูงมากกว่า 300 เมตร และเมื่อคิดจะหอคอยสูงสร้างแล้ว ก็ควรสร้างให้มีความสูงมากกว่าหอไอเฟล เพื่อจะได้เป็นหอคอยที่มีความสูงที่สุดในโลกด้วย และควรมีการสร้างจุดชมวิวบนหอคอยเหมือนหอไอเฟล ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวมากพอจนถึงจุดคุ้มทุนภายใน 10 ปี


     เรื่องความสูงของโตเกียวทาวเวอร์นั้น ตอนแรกมีความตั้งใจจะสร้างให้สูงถึง 380 เมตร แต่ห่วงว่าความแรงของลมในความสูงระดับนั้นจะทำให้เสาแพร่สัญญาณเกิดการสั่นไหว ทำให้กระจายสัญญาณได้ไม่ดี จึงได้ลดความสูงลง จนสุดท้ายสรุปกันที่ 333 เมตร ซึ่งจะสูงว่าหอไอเฟลซึ่งมีความสูง 312 เมตร และจะสร้างจุดชมวิว 2 จุดที่ความสูง 150 เมตรและ 250 เมตร

     ในการตั้งชื่อหอคอยแห่งใหม่นี้ ก่อนที่โตเกียวทาวเวอร์จะสร้างเสร็จ ทางการญี่ปุ่นได้ขอให้ประชาชนช่วยรวบรวมส่งชื่อที่เหมาะสมผ่านทางไปรณียบัตร ซึ่งมีคนส่งไปรณียาบัตรเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นมากถึง 86,269 ฉบับ ซึ่งชื่อที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุด 3 อันดับแรกคือ

     อันดับ 1 โชวะโท (Showa Toh - 昭和塔) แปลว่า หอคอยของรัชกาลโชวะ
     อันดับ 2 นิฮอนโท (Nohon Toh - .日本塔 แปลว่า หอคอยญี่ปุ่น
     อันดับ 3 เฮวะโท (Heiwa Toh - 平和塔) แปลว่า หอคอยแห่งสันติภาพ

     แต่ในที่สุดคณะกรรมการตัดสินได้เลือกชื่อ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower - 東京タワー) เป็นชื่อของหอคอยใหม่นี้ในวันที่ 9 ตุลาคม 1958 ซึ่งชื่อ โตเกียวทาวเวอร์ นั้นอยู่ในอันดับที่ 13 จากทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าเป็นชื่อที่ตรงและเหมาะสมกับหอคอยนี้ที่สุดแล้ว ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย


     ปัจจุบัน แม้โตเกียวทาวเวอร์จะกลายเป็นอาคารที่มีความสูงระดับ 2 ของญี่ปุ่นไปแล้ว แต่ความนิยมของโตเกียวทาวเวอร์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง มีการจัดกิจกรรมเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้ไปเข้าชมอย่างสม่ำเสมอ

     ภายในอาคารที่อยู่ใต้หอคอยก็มีสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Tokyo Tower Aquarium) ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร หอศิลปะ Tokyo Tower Gallery และที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมาคือ โตเกียววันพีซทาวเวอร์ (Tokyo One Piece Tower) ซึ่งเชื่อว่าเด็กๆ และคนที่ชอบการ์ตูนเรื่อง One Piece คงไม่พลาดแน่นอน ดูรายละเอียดของ Tokyo One Piece Tower ได้ที่นี่ http://onepiecetower.tokyo/en/




     ค่าเข้าชมจุดชมวิวของโตเกียวทาวเวอร์ ที่ความสูง 150 เมตร และ 250 เมตร







วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower - 京都タワー)


     เกียวโตทาวเวอร์ (Kyoto Tower - 京都タワー) หรือ หอคอยเกียวโต เป็นเอกลักษณ์และแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเกียวโตมาตั้งแต่ปีช่วงปลายปี 1964 ซึ่งคนที่แวะไปเที่ยวเมืองเกียวโตทุกคนต้องเคยเห็น เพราะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟเกียวโตพอดี แถมหอคอยสีขาวที่มีรูปทรงคล้ายแท่งเทียนหรือประภาคารก็ดูโดดเด่นและเป็นจุดดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี เกียวโตทาวเวอร์เริ่มเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 1964


     เกียวโตทาวเวอร์ เป็นหอคอยที่สร้างอยู่บนตัวอาคาร โดยมีตัวอาคารสูง 9 ชั้นเป็นฐานรองรับ เกียวโตทาวเวอร์มีความสูงจากพื้นถึงยอดที่ 131 เมตร (ตัวหอคอยสูง 100 เมตร ส่วนตัวอาคารที่เป็นฐานสูง 31 เมตร)

     ตัวอาคารนี้เดิมเป็นศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองเกียวโต ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1959 ซึ่งตอนแรกไม่มีโครงการที่จะสร้างหอคอยสูงบนอาคารเลย แต่เมื่อเห็นว่าตำแหน่งที่ตั้งของอาคารนี้เป็นจุดเด่นที่คนที่แวะมาเมืองเกียวโตจะต้องมองเห็น จึงมีความเห็นว่าควรสร้างเป็นหอคอยขึ้น แต่ไม่อยากทำเป็นโครงสร้างเหล็กโปร่งเหมือนกับ Tokyo Tower ที่โตเกียว จึงได้ออกแบบให้เป็นอาคารกลมสูงและภายนอกที่เรียบง่าย


     เหตุผลที่เกียวโตทาวเวอร์ถูกทาเป็นสีขาวสลับแดงนั้น เป็นเพราะกฏหมายด้านการบินมีข้อกำหนดให้อาคารที่มีความสูงมากกว่า 60 เมตรจะต้องติดไฟสัญญาณเตือนสีแดงให้เครื่องบินรู้ แต่ถ้าไม่ติดไฟสัญญาณเตือนดังกล่าว ก็ต้องทาสีตึกเป็นแดงและขาวแทน และเปิดไฟส่องตัวอาคารตลอดคืน เพื่อให้เครื่องบินสามารถสังเกตุเห็นและหลีกเลี่ยงได้ง่าย  ซึ่งปล่องไฟสูงๆ หรือเครนก่อสร้างตามตึกสูงต่างๆ ของญี่ปุ่นก็จะทาเป็นสีขาวสลับด้วยสีแดงเช่นกัน


     สำหรับตัวอาคารสูง 9 ชั้นที่เป็นฐานรองรับตัวหอคอย ปัจจุบันเป็นโรงแรมชื่อ Kyoto Tower Hotel ภายในยังมีร้านค้าอยู่หลายแห่ง รวมทั้งเป็นแหล่งขายของที่ระลึกของเมืองเกียวโตด้วย อาคารนี้มีชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น และในชั้นใต้ดินชั้นที่ 3 เป็นที่ตั้งของห้องอาบน้ำสาธารณะ (ห้องอาบน้ำรวม - 公衆浴場)ซึ่งปัจจุบันมีเหลืออยู่น้อยมาก แต่ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนญี่ปุ่นรวมทั้งชาวต่างชาติด้วย

     ห้องอาบน้ำสาธารณะแห่งนี้ เปิดให้บริการแต่เช้าตั้งแต่ 07:00 - 20:30 น. ค่าบริการครั้งละ 750 เยน (ผู้ใหญ่) และ 350 เยน สำหรับเด็กเล็ก


มุมนี้ถ่ายจากคูน้ำเล็กๆ หน้าวัด Higashi Honganji (東本願寺) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกียวโตทาวเวอร์มากนัก


    สำหรับคนที่ต้องการขึ้นไปบนหอคอยชั้นบน เพื่อดูวิวทัวทัศน์รอบเมืองเกียวโต จะต้องซื้อบัตรค่าเข้าชมในราคา 770 เยน สำหรับเด็กนักเรียนและเด็กเล็กก็มีส่วนลดต่างๆ ตามอัตราส่วนของอายุ

    แต่ถ้าไปซื้อบัตรที่เวบของ Kyoto Tower ส่วนใหญ่จะได้ราคาพิเศษที่ประมาณ 700 เยน ถ้ามีโอกาสแวะไปเมืองเกียวโต ลองแวะขึ้นดูทิวทัศน์บนหอคอยได้เลยครับ